สืบเนื่องมาจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของโลกออนไลน์
ไม่ว่าจะเป็น internet ความเร็วสูง และคุณภาพของ device หรือก็คือเครื่องเล่นที่พาผู้คนเข้าสู่โลกออนไลน์
ทั้งแบบตั้งโต๊ะและพกพาที่คุณภาพสวนทางกับราคา
นำไปสู่เทคโนโลยีที่ทั้งผู้ส่งสารและรับสารสามารถที่จะเชื่อมโยงกันได้โดยในพริบตา
และด้วยตัวเร่งอันสำคัญยิ่งที่เปลี่ยนการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์หรือที่เรียกกันว่า ecommerce นั้น
ให้กลายเป็นทางหลักไม่ใช่ทางเลือกนั่นก็คือ
การระบาดของเชื้อไวรัส ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
ทำให้ผู้คนไม่สามารถออกมาจับจ่ายใช้สอยได้เหมือนเมื่อแต่ก่อน
และยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปผุ้คนก็เริ่มคุ้นชิน และเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
กลายเป็นหันมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ ผ่านทางโลกออนไลน์
ไม่ใช่แค่สืบหาข้อมูลเป็นส่วนมากเหมือนเมื่อแต่ก่อน
ซึ่งรวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภค
หรือในเชิงอุตสาหกรรมเรียกสินค้าเหล่านี้ว่า
Fast-moving consumer goods หรือ FMCG ซึ่งก็คือ สินค้าที่จำหน่ายเร็วและมีต้นทุนต่่า
ซึ่งถ้าให้อธิบายในเชิงลึกก็คือ
สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในทุกรูปแบบ ที่มีการจำหน่าย เกิดการซื้อ/ขายขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และ มีราคาที่ไม่สูงมาก
โดยส่วนมากจะเป็นสินค้าที่มีลักษณะ ไม่ใช่สินค้าคงทน ตัวอย่าง เช่น อาหาร เครื่องดื่ม กระดาษชำระ ยาสามัญประจำบ้าน สินค้าในรูปแบบ
เอฟเอ็มซีจี FMCG จะมีลักษณะ shelf life ค่อนข้างต่ำ หรือ ความหมาย คือ สินค้าจะถูกเลือกซื้อไปจากชั้นวางในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ มีความต้องการในตลาดที่ค่อนข้างสูง
จึงทำให้ธุรกิจ FMCG มากมายเห็นโอกาสเติบโตครั้งสำคัญจากเหตุดังที่ได้เกล่าไปข้างต้น
แล้วเกี่ยวอะไรกับระบบ WMS
คำตอบนั้นก็ต้องท้าวความก่อนว่าระบบ WMS นั้นคืออะไร
ระบบ WMS นั้นย่อมาจาก Warehouse Management System
หรือก็คือระบบจัดการคลังสินค้า
โดยเป็นระบบการจัดการข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวสินค้า หรือ วัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า
ที่อาศัยระบบ Barcode เข้ามาช่วยกำหนดตัวตนของสินค้า หรือวัตถุดิบแต่ละตัว
และนำข้อมูลตัวสินค้าหรือวัตถุดิบบันทึกข้อมูลในระบบเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปจัดการในรูปแบบต่างๆ ตามที่เราต้องการ
โดยมีการกระทำอยู่ 3 กระบวนการหลัก คือ กระบวนการรับเข้า กระบวนการจัดเก็บ และกระบวนการจัดส่ง
โดยข้อดีของระบบคลังสินค้า
- เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการสินค้า หรือ วัตถุดิบ จำนวนมาก โดยการติดบาร์โค้ดบนสินค้า หรือวัตถุดิบแต่ละประเภท
บาร์โค้ดที่ติดบนสินค้าหรือวัตถุ มี 2 แบบ คือ S/N(Serial Number) และ P/N(Part Number)
1. แบบ S/N(Serial Number) คือ บาร์โค้ดแบบเรียงตัวเลขไม่ซ้ำกัน ส่วนมากบาร์โค้ดลักษณะนี้มักใช้เฉพาะสินค้าที่ต้องการระบุตัวเองโดยเฉพาะ เนื่องด้วยสินค้ามีเรื่องการรับประกัน การส่งซ่อมเครื่อง และวันหมดอายุเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ทีวีรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน สีเดียว แต่มี S/N ที่ต่างกัน
เหตุผลที่ต้องการใช้บาร์โค้ดแบบเรียงตัวเลขไม่ซ้ำกัน เพื่อให้สามารถระบุถึงแหล่งที่มาในการผลิต วัตถุดิบ วันที่ผลิต แผนก บุคคลกรที่ทำการผลิต เพื่อให้ทราบข้อมูล Lot ในการผลิตสินค้านั้นเอง ซึ่งบาร์โค้ด ประเภท S/N ส่วนมากใช้งานกันเฉพาะภายในโรงงานผลิตเท่านั้น
2. แบบ P/N(Part Number) คือ บาร์โค้ดบนสินค้าที่เหมือนกันบนสินค้าชนิดเดียวกัน บาร์โค้ดประเภท P/N ส่วนมากเป็นบาร์โค้ดสำหรับขาย โดยประเทศไทยจะใช้บาร์โค้ดชนิด EAN-13 สำหรับเป็นบาร์โค้ดสำหรับ ขายสินค้าภายในประเทศ ซึ่งบาร์โค้ดต้องกล่าวจะทำการขออนุญาต และขึ้นทะเบียนจึงสามารถนำมาใช้ได้ ซึ่ง บาร์โค้ดดังกล่าวหากเป็นสินค้าประเภทเดียวกันก็จะมีบาร์โค้ดรหัสเดียวกัน ตัวอย่างเช่น บะหมี่ขนาด และรสเดียวกัน จะมีบาร์โค้ดเหมือนกัน เราไม่สามารถทราบวันหมดอายุจากรหัสบาร์โค้ดประเภทนี้ได้ จึงมีการพิมพ์วันหมดอายุไว้บนซองอีกครั้งหนึ่ง บาร์โค้ดประเภท P/N เป็นบาร์โค้ดสำหรับไว้บันทึกจำนวนเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบย้อนหลังได้ - เพื่อให้ง่ายต่อการบันทึกข้อมูล ของสินค้า หรือวัตถุดิบ ลงในระบบจัดการคลังสินค้า
- เพื่อให้ง่ายในการควบคุมวัตถุดิบในการผลิต เช่น หากเราทำการบันทึกข้อมูลวัตถุลงในระบบจัดการคลังสินค้า ระบบจะช่วยในการคำนวณวัตถุดิบที่ต้องการใช้ในการผลิตแต่ละครั้งว่าเพียงพอกับการผลิตหรือไม่
- เพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บ และหยิบใช้งาน สินค้า หรือวัตถุดิบ โดยระบบจัดการคลังสินค้า จะมีระบบช่วยในการจัดเก็บวัตถุดิบ โดยระบบจะทำการติดบาร์โค้ดไว้ตามตำแหน่ง เพื่อใช้ในการจัดเก็บสินค้าหรือวัตถุดิบ
- เพื่อให้ง่ายต่อหยิบสินค้า หรือวัตถุ ตามกระบวน First-In First-Out สินค้า หรือวัตถุดิบ ที่ผลิต หรือจัดเก็บมาก่อน ต้องถูกต้องนำไปใช้งานก่อน
- เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจเช็คจำนวนสินค้าที่ผลิต โดยทุกขั้นตอนในระบบจัดการคลังสินค้า แต่ละจุดที่สินค้าหรือวัตถุดิบผ่านกรรมวิธี หรือขั้นตอนต่างๆ จะมีการบันทึกข้อมูลเข้าไปในระบบจัดการคลังสินค้าทุกครั้ง
- เพื่อให้ทราบจำนวนสินค้า หรือวัตถุดิบที่แน่นอน โดยไม่ต้องเข้าไปตรวจนับเองให้เสียเวลา เนื่องด้วยการจัดเก็บสินค้าหรือวัตถุดิบ แต่ละคลังจะมีการบันทึกข้อมูลสินค้า ลงในระบบจัดการคลังสินค้าทุกครั้ง
- เพื่อให้ทราบจำนวนสินค้าทั้งหมด กรณีมีหลายคลังสินค้า หลายสถานที่จัดเก็บ เนื่องจากระบบจัดการคลังสินค้า สามารถเชื่อมต่อกันได้หลายๆ คลังพร้อมกันเพื่อให้ทราบจำนวนสินค้า และวัตถุดิบทั้งหมด
- เพื่อให้ทราบข้อมูลการรับเข้า การเคลื่อนไหว การจ่ายออก แบบ Real-Time เนื่องด้วยทุกขั้นตอนที่กระทำต่อสินค้า หรือวัตถุดิบ จะต้องมีการบันทึกข้อมูลทุกครั้ง ทำเราทราบสถานะข้อมูลของสินค้า หรือวัตถุดิบทันที
- เพื่อให้ทราบข้อมูลสินค้า หรือวัตถุดิบ เป็นสถิติ เพื่อใช้คำนวณ ควบคุมล่วงหน้า ในการผลิต การจัดเก็บ และการจัดส่ง สินค้าหรือวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อให้สามารถสืบค้นย้อนกลับสินค้า หรือวัตถุดิบได้
- เพื่อให้ง่ายต่อการขนส่ง จัดส่ง สินค้า หรือวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อจัดการพื้นที่ในการจัดเก็บ และใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อลดปัญหาเรื่องสินค้า หรือวัตถุดิบคงค้าง เนื่องจากการจัดการสินค้าที่มีปัญหา
- เพื่อให้ง่ายต่อนำข้อมูลจากระบบจัดการคลังสินค้าในการประเมินการทำงานของเครื่องของเครื่อง วัตถุดิบ และบุคลากร ภายในองค์กร
- เพื่อให้ง่ายต่อการนำข้อมูลทรัพยากรทั้งหมด รวมถึงบุคลากร นำมาประเมินเพื่อปรับเปลี่ยน ปรับปรุง การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามระบบ แผนงาน ตามที่องค์กร ได้กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อความเป็นระบบ ระเบียบในการทำงาน ลดความผิดพลาดจากการทำงาน ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง จากความผิดการทำงาน
- เพื่อความรวดเร็ว และแม่นยำ โดยการใช้อุปกรณ์ และระบบ ควบคุมการทำงาน หรือร่วมกันทำงานกับมนุษย์ เพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความผิดพลาดในการทำงาน
- เพื่อให้องค์กรมีความน่าเชื่อ เนื่องจากระบบจัดการคลังสินค้า เป็นระบบที่สามารถเพื่อประสิทธิการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ซึ่งสามารถช่วยธุรกิจ FMCG ที่มีสินค้ามากมายหลากหลาย
อีกทั้งยังมีปริมาณเข้าออกในแต่ละวันในปริมาณสูง
โดยระบบ WMS ที่ดีนั้น
จะสามารถเชื่อมต่อระบบ ERP หรือก็คือ
Enterprise Resource Planning
ซึ่งหมายถึง ซอฟต์แวร์และระบบที่ใช้ในการวางแผนจัดการห่วงโซ่อุปทานหลัก การผลิต การบริการ การเงิน และกระบวนการอื่นๆ ขององค์กร
ในการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบจัดซื้อ-ขาย และคลังสินค้า แบบ EDI, API ในการจัดการกับสินค้าและสต๊อกสินค้า
เพิ่มความสะดวกในการกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ รวมถึงส่งตรงถึงผู้บริโภคโดยตรง
โดยสามารถรองรับรูปแบบการทำธุรกิจที่มีความหลากหลาย เช่น ธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจเชิงพาณิชย์ และลูกค้าองค์กร, ธุรกิจบริการ และ ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์
อีกทั้งยังต้องสามารถเชื่อมต่อ marketplace สามารถอัปเดตสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์
ลดขั้นตอนการ Export ข้อมูล Excel และสั่งพิมพ์ Air Way Bill จากในระบบ Seller Centerของ Marketpalce
รองรับระบบ Serial Number
เพื่อเก็บข้อมูลสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ ที่มีราคาสูงและต้องควบคุมด้วย Serial Number
ที่ระบุเป็นเลขตัวเครื่องของสินค้า และหยิบสินค้าตาม ระบบ Serial Number
เชื่อมต่อได้กับ Packing Station
ระบบจะสามารถแนะนำขนาดกล่อง, บันทึกน้ำหนัก, ถ่ายรูปเก็บทุกครั้งที่สแกน, ตรวจเช็คความถูกต้อง และพิมพ์ AirwayBill และ Invoice ทันที โดยไม่ต้องเข้าไป Download ใน Marketplace อีกต่อไป!
โดยจะเห็นได้ว่าระบบ WMS นั้นมีหลากหลายรูปแบบ
โดยระบบ WMS ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจ FMCG
ให้สามารถอำนวยความสะดวกในการบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น
จะต้องมี fuction ดังที่ได้กล่าวไปนั่นเอง
ก็จะสามารถช่วยธุรกิจ fmcg ในการขายสินค้าบนโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดย fuction เหล่านั้น MOLOG WMS มีให้คุณอย่างพร้อมสรรพ
ให้ MOLOG WMS ช่วยบริหารคลังสินค้าให้กับคุณ
MOLOG WMS ระบบ WMS ของคนไทย support โดยคนไทย
ที่เป็นผู้ให้บริการทางด้านระบบ WMS ให้องค์กร FMCG ชั้นนำมาแล้วอย่างมากมาย
อาทิเช่น
-com 7
-dtgo
-HH-Werkzeug
และได้ขึ้นงานระบบ WMS ให้กับ องค์กรชั้นนำอีกมากมาย
อาทิเช่น
Kerry Logistics, Kellogg’s corn flakes
,Nanyang textile ,Thairath Logistics ,Boonrawd
,On Time Fulfillment (Sintanachote)
MOLOG จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ FMCG
ในเรื่องระบบที่พัฒนามาจากการใช้งานในคลังสินค้าธุรกิจ FMCG ของจริง
และการ support ที่สามารถช่วยได้แม้กระทั่งพนักงานทั่วไป
ไม่อยากพลาดต้อง MOLOG WMS
เพราะไม่ใช่แค่เงินที่คุณเสียไป แต่ยังเป็นเวลาในการขึ้นระบบ
โดย MOLOG สามารถนำ solution จากธุรกิจมากมาย
มาขึ้นระบบให้คุณได้ทันที
หากท่านสนใจ
สามารถติดต่อพนักงานเพื่อนำเสนอ ระบบ และ package ได้
เพียงกรอกแบบฟอร์มเพื่อขอดูตัวอย่างระบบฟรี!
ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
https://bit.ly/MOLOGwsRD
หรือพูดคุยปรึกษากับเรา โทร. 02 114 3641